Blog Section

ตอนที่118: Facial Palsy กับ Bell’s Palsy แตกต่างกันอย่างไร

ตอนที่118: Facial Palsy กับ Bell’s Palsy แตกต่างกันอย่างไร

Facial Palsy กับ Bell’s Palsy แตกต่างกันอย่างไร

Facial palsy

แบ่งตาม lesion

  1. Supranuclear lesion มักมาด้วยอาการปากเบี้ยวข้างเดียว โดยมีปิดตาปกติ ซึ่งอาการจะเป็นด้านตรงข้ามของ lesion สาเหตุเกิดจาก stroke, vascular , tumor , demyelination ,infection บริเวณเหนือกว่า nuclear
  2. Infranuclear lesion จะมีอาการทั้งส่วนบนและส่วนล่างของซีกเดียว และไม่สามารถปิดตาได้ โดยรอยโรคด้านเดียวกันกับlesion
  3. รอยโรคเป็นสองข้าง และเป็นทั้งส่วนบนและส่วนล่างของหน้า เป็นได้หลายโรค เช่น ถ้าเป็น supranuclear lesion จะเป็นโรคที่เป็น pontine lesion ถ้าเป็น infranuclear lesion จะนึกถึง Guillainbarre syndrome, Lyme disease , infectious mononucleosis, sarcoidosisและสุดท้ายนึกถึงจะเป็นกลุ่มโรค muscle disease เช่น myasthenia gravis, muscular dystrophy

 

1

Bell’s palsy

คือโรคที่ผู้ป่วยมาด้วยอาการของ acute peripheral facial nerve palsy ที่ไม่ทราบสาเหตู มีอัตราการเกิด 13-34 คนในประชาชน 100,000 คน ซึ่งการเกิดมักสัมพันธ์กับการติดเชื้อ Herpes simplex Herpes Zoster Cytomegalovirus, Epstein in Barr virus, adenovirus, rubella virus, mumpe, influenza Bและ 1 สัปดาห์ และ คลอด รวมถึงคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน

2

อาการและอาการแสดงของผู้ป่วย Bell’s palsy มักมาด้วยอาการ มีหน้าเบี้ยวด้านเดียว ตาปิดไม่ได้มุมปากตก น้ำตาไหลลดลง หูอื้อ การรับรู้รส บริเวณ2/3 ของลิ้นส่วนหน้าเสีย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นภายใน 4-8 สัปดาห์ โดยไม่ต้องได้รับการรักษาและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ ได้ 7-15% ภายใน 10 ปี

ความแตกต่าง ตรงที่ bell’s palsy ไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส (อยู่ดีๆก็เป็น) แต่ถ้าเป็น facial palsy  จะเกิดจาก stroke หรือรอยโรคในสมอง ทำให้ใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก bell’s palsy จะเกิดที่ LMN ส่วน facial palsy เป็นที่ UMN

3

 

 

ด้วยความปรารถนาดีจาก…คลินิกกายภาพบำบัดเฟิร์ส ฟิสิโอ

www.firstphysioclinic.com

 

Facebook Comments

Leave a Reply

Or