ตอนที่191: กายภาพบำบัดในผู้ป่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวก
กายภาพบำบัดในผู้ป่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวก
นักกายภาพบำบัดมีบทบาทในการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มเข้ารักษาจนกระทั่งสามารถช่วยตนเองได้ คือ
-ลดภาวะแทรกซ้อน
-ลดบวม
-คงช่วงการเคลื่อนไหว
-ลดการหดรั้งของข้อต่อ
-คงกำลังกล้ามเนื้อ
-ลดการนูนของแผล
-ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถยืนเดินได้อย่างอิสระ
1.การลดภาวะแทรกซ้อนของการหายใจ
ภาวะแทรกซ้อนทางการหายใจในผู้ป่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวกอาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
-inhalation injury -tracheal damage
-airway obstruction -pulmonary edema
-pneumonia -restrictive chest wall
จะเห็นว่าภาวะแทรกซ้อนทางการหายใจสามารถเกิดได้ตั้งแต่ระยะแรกของการบาดเจ็บจนถึงทุกระยะของการรักษา
- เป้าหมายการกายภาพบำบัดทางด้านการหายใจ
-ป้องกันการสะสมของเสมหะ
-ร่อนระบายเสมหะ
-ช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย
-เพิ่มการเคลื่อนไหวของทรวงอก
-เพิ่มประสิทธิภาพของการหายใจ
1.2 การรักษาทางกายภาพบำบัดเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนทางการหายใจ
การรักษาทางกายภาพบำบัดประกอบด้วย
-Breathing exercise ควรฝึกสอนให้ผู้ป่วยทำในทุกรายเพื่อป้องกันการสะสมของเสมหะ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ ร่วมถึงช่วยให้เกิดการผ่อนคลายควรเริ่มทำตั้งแต่เริ่มรับผู้ป่วยต่อเนื่องตลอดเวลาที่ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล
-Percussion and Vibration เพื่อร่อนระบายเสมหะแต่จะทำได้ยากในรายที่มีบาดแผลบริเวณทรวงอก
-Postural drainage การจัดเพื่อร่อนระบายเสมหะต้องประยุกต์ท่าทางให้เหมาะสมกับผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณกว้าง ทำให้จัดท่าได้ยาก
-Coughing and huffing การสอนไอ ควรทำในผู้ป่วยทุกราย เพื่อป้อ
กันการสะสมของเสมหะและช่วยในการขับเสมหะออกจากปอด
1.3กายภาพบำบัดเพื่อลดบวม สามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
-elevation จัดท่าโดยยกส่วนที่บวมให้สูง
-pumping exercise เคลื่อนไหวส่วนปลายของแขนขาเร็วๆอาจทำร่วมกับ elevation
-bandage or elastic stocking ใช้ผ้ายืดพันแขนขาที่บวม หรือใส่ถุงเท้ายืด
1.4 กายภาพบำบัดเพื่อป้องกันและลดการยึดติด และการผิดรูปของข้อต่อ
-การจัดท่าทางและการดาม (position and splinting)
-การบริหารร่างกาย
-การยืนเดิน
การจัดท่าทางและการดามข้อต่อ (position and splinting)
การจัดท่าทางป้องันการหดรั้งและการผิดรูปของข้อต่อตั้งแค่เริ่มรับต่อเนื่องตลอดการรักษา ท่าที่จัดมีดังนี้
-คอ อยู่ในท่า hyperextension โดยผู้ป่วยนอนไม่หนุนหมอน และมีหมอนบางๆหนุนบริเวณสะบัก เพื่อให้ทออยู่ในท่าเงย จัดท่านี้ในรายที่มีบาดแผลบริเวณด้านหน้าของคอและใต้คาง
-ไหล่ ให้อยู่ในท่าต้นแขนกาง 90-100 องศา ในผู้ป่วยที่มีบาดแผลบริเวณด้านหน้าข้อไหล่ บริเวณรักแร้หรือด้านหน้าและด้านข้างของลำตัว
-ข้อศอก จัดในท่าเหยียดและหงายแขน
-ข้อมือ จัดในท่าเหยียดเล็กน้อย หรือในท่าปกติในรายที่มีบาดแผลบนฝ่ามือ
-มือ จัดในท่าเหยียดข้อมือในรายที่มีบาดแผลหน้าฝ่ามือและจัดในท่าคว่ำมือถ้าบาดแผลอยู่ด้านหลังมือ ถ้ามีบาดแผลระหว่างนิ้วต้องมีผ้าคั่นระหว่างนิ้วกันนิ้วติดกัน
-ข้อสะโพก จัดในท่าต้นขากางออกและเหยียดตรง
-ข้อเข่า ให้อยู่ในท่าเหยียดตรง
-ข้อเท้า จัดในท่าเหยียดถ้าบาดแผลอยู่บริเวณหลังเท้า และในท่ากระดกข้อเท้าขึ้นถ้าบาดแผลอยู่อยู่บริเวณฝ่าเท้าหรือบริเวณน่องและเอ็นร้อยหวาย
การจัดท่าและการดามข้อต่อควรจัดให้อยู่ในท่ายืดบริเวณที่มีบาดแผลเท่าที่ผู้ป่วยจะรับได้ ถ้ายืดมากเกินไปผู้ป่วยจะออกแรงต้าน ทำให้มีการตึงตัวมากตลอดเวลาก่อให้เกิดความกดดันในข้อต่อสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการปวดในข้อต่อได้ทั้งๆที่บาดแผลอยู่บริเวณผิวหนัง
การบริหารร่างกาย (exercise)
การบริหารร่างกายในผู้ป่วยBurn สามารถทำได้หลายวิธีตามสภาพของผู้ป่วย
1.Passive exercise การทำการเคลื่อนไหวให้ผู้ป่วย ทำได้โดยนักกายภาพบำบัดเป็นผู้ทำให้ในรายที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองหรือไม่ให้ความร่วมมือ ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช้ความรุนแรง (gentle passive exercise) เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการเกร็งต่อต้าน (Protective muscular spasm) ซึ่งจะเกิดเมื่อผู้ป่วยเจ็บหรือกลัว จึงควรเริ่มด้วยการอธิบายให้ผู้ป่วยเพื่อไม่ต่อต้าน และเริ่มขยับด้วยองศาการเคลื่อนไหวน้อยๆ และค่อยๆเพิ่มองศาการเคลื่อนไหวจนได้เต็มพิสัย
-auto passive exercise ให้ผู้ป่วยเป็นผู้ทำการเคลื่อนไหวให้ตนเอง เช่น ใช้มือข้างหนึ่งจับอีกข้างหนึ่ง วิธีนี้ช่วยลดการต่อต้านของผู้ป่วยและทำได้ตลอดเวลา
-equipment เป็นการทำ passive exercise โดยใช้อุปกรณ์ เช่น รอก สปริง suspension จักรยาน และอุปกรณ์การออกกำลังกายอื่นๆ ซึ่งควรจัดให้มีภายในหน่วยรักษาผู้ป่วย Burn
2.Active exercise สอนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำการบริหารให้มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อทุกส่วนโดยเน้นให้ทำบ่อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นการเคลื่อนไหวมากกว่าการเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ ถ้าผู้ป่วยทำด้วยตนเองแล้วได้มุมการเคลื่อนไหวไม่เต็มที่ นักกายภาพบำบัดอาจช่วยบางส่วน เป็น Assisted exercise ในรายที่ผู้ป่วยกลัวเจ็บหรือเกร็งต้าน เทคนิค hold relax จะช่วยเพิ่มมุมการเคลื่อนไหวได้ดี
3.Stretching exercise เป็นการบริหารเพื่อยืดส่วนที่ตึงหรือมีการหดรั้ง อาจทำได้โดยให้ผู้ป่วยยืดเองหรือนักกายภาพบำบัดยืดให้ในระดับที่ไม่เจ็บปวดแล้วตามด้วย Splinting
Contraindication foe exercise
ผู้ป่วยที่มีอาการหรืออยู่ในภาวะต่อไปนี้ห้ามทำการ exercise ทั้ง.Active และ passive
- Exposed joint, rupture tendon
- Thrombophlebitis
- Deep vein thrombosis
- Compartment syndrome
- Skin graft ที่ยังไม่ติดดี
- Fracture, dislocation ระยะห้ามเคลื่อนไหว
การยืนและเดิน (Ambulation)
ผู้ป่วยที่มีบาดแผลบริเวณขาเมื่อบาดแผลหายใหม่ๆ เมื่อลุกขึ้นยืนหรือเดินใหม่ๆอาจมีอาการต่อไปนี้
- หน้ามืดเป็นลม
- ปวดบริเวณแผล
- มีเลือดออกบริเวณแผล
อาการที่กล่าวมานี้เกิดจากการที่เลือดไหลเวียนลงมาขามาก (Venous pooling) แต่ไหลกลับได้ช้า อาการเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดย
- Pumping exercise
- Bandaging พันผ้ายืดตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงต้นขาหรือใส่ถุงผ้ายืด
- ค่อยๆปรับความดันจากไขเตียงขึ้นนั่ง นั่งห้อยขาบนเตียงก่อนที่จะนำผู้ป่วยลงยืนและเดินต่อไป
1.5 กายภาพบำบัดเพื่อลดการนูนของแผลเป็น (Hypertrophic scar)
หลังจากบาดแผลหายใหม่ๆจะเป็นแผลเป็น (Scar) และแผลเป็นนี้จะนูนเป็น Hypertrophic scar ซึ่งนอกจากจะดูไม่ดีแล้ว แผลเป็นนี้จะมีความเหนียวและตึงมาก ทำให้เกิดการดึงรั้งของข้อต่อทำให้ผิดรูป ถ้าเป็นบริเวณลำตัวก็จะดึงให้ตัวงุ้มงอเสีย Posture จึงควรป้องกันตั้งแต่บาดแผลเริ่มสมานโดยใช้ Pressure garment ร่วมกับ Stretching exercise ระวังไม่ให้มีการเสียดสีเพราะผิวหนังยังใหม่ง่ายต่อการพุพอง
>>> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.firstphysioclinics.com
>>> เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด (FIRSTPHYSIO)
>> > LINE ID: 0852644994
>>> TEL. 085-264-4994ตอนที่18