ตอนที่204: ข้อบ่งชี้ของการใช้กายอุปกรณ์ประคองขาในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ข้อบ่งชี้ของการใช้กายอุปกรณ์ประคองขาในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
1.เท้าตก (Foot-drop)
โรคหลอดเลือดสมองมักทำให้เสียสมดุลในการควบคุมข้อเท้าจึงมักมีเท้าตก เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่กระดกข้อเท้าขึ้นอ่อนแรงมากกว่ากล้ามเนื้อที่กระดกข้อเท้าลง ร่วมกับมีการเกร็งกระตุกของกล้ามเนื้อน่องร่วมด้วย ให้ก้าวเท้าพ้นพื้นใน swing phase ผู้ป่วยต้องเหวี่ยงขาไปด้านข้างหรือยักตะโพกขึ้น แทนที่จะก้าวไปตรงๆ ในกรณีที่มีเท้าตกอย่างเดียวและมีการเกร็งกระตุกไม่มากนัก ใช้ posterior leaf spring อย่างเดียวก็เพียงพอที่จะประคองเท้าให้ก้าวพ้นพื้นได้ แต่ในรายที่มีปัญหา mediolateral instability ร่วมด้วย อาจต้องใช้แบบ solid-ankle plastic orthosis หรือใช้ AFO ชนิดโลหะ ซึ่งจะเลือกข้อโลหะแบบ Klenzak หรือแบบ double-action ก็ได้ โดยใช้ควบคู่กับสายรัดต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่าการใช้สปริงช่วยในการทำ dorsiflexion อาจกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกร็งกระตุกมากขึ้น แต่จากการศึกษาพบว่าไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก หากกล้ามเนื้อไม่เกร็งมากจนกระทั่งข้อเท้ากระดกขึ้นไม่ถึง 90 องศา
- ข้อเข่าทรุด (Knee Bucking)
การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ Knee extensors ทำให้ข้อเข่าพับลงในช่วงที่ลงน้ำหนัก ผู้ป่วยที่มีกำลังของกล้ามเนื้อกลุ่ม hip extensors และมีการทรงตัวดีพอ จึงจะพิจารณาใช้กายอุปกรณ์ช่วยในการเดิน โดยทั่วไปมักแก้ปัญหาเข่าทรุดโดยใช้ AFO บังคับไม่ให้ข้อเท้ามี dorsiflexion ซึ่งเท่ากับยึดส่วนต้นของกระดูก tibia ไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ประกอบกับกล้ามเนื้อ hip extensors ดึงกระดูก femur มาทางด้านหลังจึงช่วยให้เข่าเหยียดได้
- ข้อเข่าแอ่น (Genu Recurvatum)
การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ Knee extensors จะทำให้ข้อเข่าแอ่นไปข้างหลังในขณะที่ลงน้ำหนัก ปัจจัยที่ส่งเสริมให้มีการแอ่นมากขึ้นคือข้อเท้ายึดติดในท่า plantar flexion การรักษาทำได้โดย การออกกำลังกายกล้ามเนื้อกลุ่ม Knee extensors ให้แข็งแรงแก้ไขข้อเท้าที่ยึดติดและใช้กายอุปกรณ์แบบ double-action หรือแบบ solid-ankle บังคับไม่ให้ข้อเท้ากระดกทั้งขึ้นและลง
สำหรับ knee-ankle-foot orthosis (KAFO) หรือ long leg brace มีที่ใช้น้อยมาก เนื่องจากมีขนาดใหญ่เทอะทะ มีน้ำหนักมาก สวมใส่มาก และใช้พลังงานในการเดินมาก อาจพิจารณาใช้ในกรณีที่มีการหย่อนยานของเอ็นภายในเข่าหรือรอบเข่า เช่น เคยมีเอ็นเข่าฉีกขาดหรือเป็นโรครูมาตอยด์ หรือใช้ตอนเริ่มฝึกเดินช่วงสั้นๆ ถ้าพิจารณาใช้ KAFO ควรเลือกแบบข้อเข่าล๊อคในท่าเหยียดตรง เพื่อป้องกันเข่าทรุด
การตรวจสอบ AFO
หลังจากจัดทำกายอุปกรณ์ประคองขาให้ผู้ป่วยแล้ว ก่อนให้ใช้ต้องตรวจสอบว่ามีลักษณะตรงตามที่สั่งและสวมได้พอดีหรือไม่ ที่สำคัญคือตำแหน่งของข้อโลหะซึ่งต้องอยู่ในระดับและระนาบที่ใกล้เคียงกับข้อจริง ข้อโลหะด้านในต้องตรงกับตำแหน่ง medial malleolus และข้อโลหะด้านนอกต้องอยู่ตรงกับ lateral malleolus ซึ่งต่ำกว่า medial malleolus เล็กน้อย แกนโลหะที่อยู่ขนาบด้านข้างของขาต้องอยู่ประมาณกึ่งกลางของระยะหน้าหลัง แถบรัดน่องต้องอยู่ต่ำกว่าหัวกระดูก fibular อย่างน้อย ¾ นิ้วฟุต เพื่อไม่ให้กดเส้นประสาท common peroneal
ควรตรวจสอบระหว่างที่เดินด้วยว่ามีการขยับหรือเลื่อนหรือไม่ มีจุดกดเจ็บตรงไหนบ้างและที่สำคัญคือต้องประเมินว่ากายอุปกรณ์ดังกล่าวช่วยให้เดินได้ดีขึ้นหรือไม่ นอกจากดูว่าแก้ปัญหาการเดินที่มีอยู่ได้หรือไม่แล้ว ให้ดูด้วยว่าช่วยให้เดินได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
การใช้ AFO ทั้งแบบพลาสติกและแบบโลหะจะช่วยให้ผู้ป่วยเดินได้เร็วขึ้น เนื่องจากอัตราการใช้พลังงานลดลง พบว่าความเร็วในการเดินที่ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกรู้สึกสบายที่สุด (comfortable speed) ช้ากว่าคนปกติประมาณร้อยล่ะ 46 แต่เมื่อใช้ AFO จะเดินช้ากว่าคนปกติร้อยล่ะ 39
การใช้งาน
ในการใช้ AFO แบบพลาสติก ต้องสวมไว้ในรองเท้า ซึ่งอาจเป็นรองเท้าหนังหรือรองเท้าผ้าใบหุ้มส้นหรือรองเท้าสานรัดส้นที่มีสายด้านบนด้วย รองเท้าแบบหลังนี้มีข้อดีคือสวมใส่ง่ายและไม่อับเหงื่อ ไม่แนะนำไม่ให้ใช้ AFO โดยไม่สวมรองเท้า เนื่องจากพื้นพลาสติกลื่นมาก ถ้าเป็นไปได้ควรสอนให้ผู้ป่วยสวมใส่ได้เองด้วย ทั้งนี้ต้องตรวจสอบความจำเป็นของการใช้กายอุปกรณ์ประคองขาเป็นระยะๆ เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางคลินิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่อยู่ในระยะที่ยังมีการฟื้นตัว
>>> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.firstphysioclinics.com
>>> เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด (FIRSTPHYSIO)
>> > LINE ID: 0852644994
>>> TEL. 085-264-4994ตอนที่18