ตอนที่81:ลักษณะเท้าผิดปกติ
ลักษณะเท้าผิดปกติ
เท้าเป็นอวัยวะที่ทีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับน้ำหนัก และพาเราก้าวเดินไปตามที่ต่างๆ ถึงแม้เท้าจะเป็นอวัยวะเล็กๆแต่รู้หรือไม่ว่า เท้าแต่ละข้างมีกระดูกมากถึง 26 ชิ้น กล้ามเนื้อ 23 มัด และเส้นเอ็น 107 เส้น
ตำแหน่งการรับน้ำหนักของ “เท้า”
จากการศึกษาพบว่า ขณะยืนน้ำหนักตัวประมาณ 60% กดลงที่ส้นเท้า อีก 40% กดลงที่ส้นเท้าส่วนหน้า ขณะเดินเท้ารับน้ำหนัก 120% ของน้ำหนักตัว และขณะวิ่งเท้ารับน้ำหนักมากถึง275%ของน้ำหนักตัวจึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่าปัญหาเรื่องเท้าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย นอกจากนี้ยังพบว่าการปวดเท้าจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ปวดเข่า ปวดสะโพก และปวดหลัง
ปัญหาเท้าที่พบบ่อย
-
นิ้วหัวแม่เท้าเก (hallux หรือ bunion)
เป็นการผิดรูปของนิ้วหัวแม่เท้าโดยกระดูกปลายนิ้วหัวแม่เท้าเกเบียดไปทางนิ้วเท้าด้านถัดไป และดันให้กระดูกโคนนิ้วหัวแม่เท้านูนออกมามักมีการเบียดและเสียดสีกับรองเท้า
-มักเกิดขึ้นจาก พันธุกรรม โรคข้อบางชนิด การใส่รองเท้าแคบและรองเท้าส้นสูง
-การป้องกันรักษา ลดการเจ็บปวดโดยการควบคุมน้ำหนัก ใส่รองเท้าส้นเตี้ยที่มีหน้ากว้างเพียงพอ เสริมหรือปรับรองเท้า รับประทานยา ในรายที่ผิดรูปมากต้องทำการผ่าตัด
-
อาการเจ็บบริเวณหัวกระดูกผ่าเท้า (metatarsalgia)
-มักเกิดจาก การกระจายน้ำหนักลงไปที่ฝ่าเท้าส่วนหน้ามากผิดปกติ ทำให้มีอาการเจ็บเท้าโดยเฉพาะตอนลงน้ำหนัก เกิดตาปลาและหนังหนาด้านขึ้นบริเวณนั้นหรืออาจเกิดจากการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับความกว้างของรูปเท้า ทำให้เส้นประสาทถูกบีบ เสียดสี และอักเสบ จนบางครั้งอาจบวมเป็นก้อน
-การป้องกันรักษา ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า ใส่รองเท้าที่มีขนาดและความกว้างเหมาะสมกับรูปเท้า พื้นรองเท้านุ่ม เสริมหรือเปลี่ยนรองเท้า จะผ่าตัดเมื่อจำเป็นเท่าน้น
-
เท้าแบน (pes planus หรือ flat foot)
เป็นภาวะที่อุ้งเท้าด้านในต่ำหรือไม่มีเลย อาจเป็นแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลัง อาจเป็นภาวะปกติหรือผิดปกติก็ได้
-
*ภาวะเท้าแบนในเด็ก
-มักเป็นทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม เด็กมักบ่นว่าเท้าหรือขาอ่อนล้าง่าย ร่วมกับปวดอุ้งเท้าหรือบริเวณใต้ตาตุ่มด้านนอก อาการมักเป็นมากขึ้นเมื่อลงน้ำหนัก โดยพบว่าส้นเท้าล้มเอียงและปลายเท้าปัดออกมากกว่าปกติ มักพบร่วมกับกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายตึง
-การรักษาอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีอาการ แต่หากส้นเท้าล้มเอียงมากขึ้นเรื่อยๆอาจทำให้ข้อเสื่อมและเคลื่อนไหวได้น้อย
-
ภาวะเท้าแบนในผู้ใหญ่
-ส่วนใหญ่เกิดกับผู้หญิงอายุ 45 – 65 ปี เนื่องจากเอ็นประคองอุ้งเท้าหย่อนหรือสูญเสียหน้าที่ มักเป็นข้างเดียว มักปวดบริเวณอุ้งเท้าและข้อเท้าด้านใน หรืออาจปวดบริเวณใต้ตาตุ่มด้านนอกร่วมด้วย อาการกำเริบเมื่อใช้งานหนักหรือเดินมาก ถ้าเป็นมากขึ้นอาจเขย่งปลายเท้าไม่ได้ เท้าผิดรูป และข้อติดตามมา
-การบำบัดรักษามุ่งเน้นไม่ให้ผิดรูปมากขึ้น และลดอาการปวดโดยการบริหารข้อเท้าอย่างเหมาะสม การคุมน้ำหนัก การเสริมและปรับรองเท้า พิจารณาผ่าตัดเมื่อจำเป็น
-
พังผืดใต้เท้าอักเสบหรือรองช้ำ (plantar fasciitis)
พังผืดใต้ฝ่าเท้าเป็นพังผืดปกติที่ทอดยาวจากกระดูกส้นเท้าถึงกระดูกปลายฝ่าเท้า มีส่วนสำคัญมากต่อการเดินและวิ่ง โดยทำงานสมดุลกับเอ็นร้อยหวาย
-มักเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินกว่ามาตรฐาน ตำอหน่งที่อักเสบบ่อยคือจุดเกาะที่ตำแหน่งส้นเท้า โดยเริ่มจากบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆที่สะสมมานาน มักร่วมกับเอ็นร้อยหวายตึง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใส่รองเท้าส้นสูงมานาน การขาดการออกกำลังกาย หรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม
-อาการปวดส้นเท้ามักเป็นในช่วงเช้า โดยเฉพาะก้าวแรกที่ลงจากเตียง หรือเมื่อลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งนานๆ เมื่อเดินไประยะหนึ่งอาการจะทุเลา แต่หากอาการอักเสบรุนแรงจะปวดมากขึ้นหลังจากยืนนานหรือเดินนานๆได้
-การบำบัดรักษาที่สำคัญที่สุดคือ การนวดฝ่าเท้าด้วยตัวเอง ร่วมกับการยืดเอ็นร้อยหวายหรือพังผืดใต้ฝ่าเท้า วันละ 2-3 รอบ รอบละ 10-15 ครั้ง ดังนี้
-
ท่านั่ง
- นั่งเหยียดขาข้างที่ต้องการยืด ใช้ผ้าคล้องปลายเท้าไว้ แล้วดึงเข้าหาตัวจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึง
- ค้างไว้นับ 1-10 ถือเป็น 1 ครั้ง แนะนำให้บริหารท่านี้ทุกเช้าก่อนลงจากเตียง
-
ท่ายืน
- ยืนหันหน้าเข้ากำแพงใช้มือยันกำแพงไว้วางเท้าที่ต้องการพูดไว้ด้านหลัง งอข้อศอกพร้อมกับงอเข่าลง โดยขาด้านหลังเหยียดตึงและส้นเท้าติดพื้นตลอดเวลา
- ย่อลงจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึงแล้วค้างไว้นับ 1-10 ถือเป็น 1 ครั้ง
-การบำบัดรักษาอื่นๆ ได้แก่ รับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใฃ่สเตียรอยด์ การแช่เท้าในน้ำอุ่น การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวด การควบคุมน้ำหนัก การคุมน้ำหนัก การเสริมและการปรับรองเท้า
ตำแหน่งของการปวดเท้า สัมพันธ์กับท่ายืนอย่างไร?
-
ตัวเอียง
-ลำตัวเอียงไปด้านซ้ายหรือขวาด้านใดด้านหนึ่งเอวและใบหน้าจะเอียงไปด้านตรงข้าม
-
ตัวบิดงอ
-ไหล่ข้างซ้ายหรือขวา ข้างใดข้างหนึ่งเอียงค่อนมาทางด้านหน้า เอวจะเอียงไปทางด้านตรงกันข้าม
-ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณเอวด้านใดด้านหนึ่ง
-
หลังโก่ง
-ผู้ที่หลังโก่งกระดูกบริเวณไหล่จะโค้งงอ ซึ่งทำให้ใบหน้ายื่นออกมาข้างหน้า
-ทำให้เกิดอาการเจ็บที่ไหล่และเอว
-
หลังแอ่น
-มีหลายคนที่บริเวณด้านล่างของท้องยื่นออกมาทางด้านหน้า ทำให้หลังแอ่น กระดูกบั้นเอวจะเอียงไปทางด้านหน้าทำให้เอวต้องรับน้ำหนักมาก
-ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณเอว
-
ขาบิดเข้า
-ข้อต่อกระดูกของหัวเข่า เอว และข้อต่อสะโพกต้องรับหน้าที่หลัก
-มักทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณหัวเข่าทั้งสองข้าง
-
ขาโก่ง
-คือสภาพของช่องว่างระหว่างหัวเข่าวัดได้กว้างกว่าสองนิ้วมือ ส้นเท้าทั้งสองข้างบิดเข้าหากัน
-มักจะทำให้เกิดอาการเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง
อุปกรณ์เสริมเท้าผิดรูป
1. รองเท้าบำบัด
ประโยชน์
- ป้องกันภาวะเสี่ยงที่จะเกิดแผลที่เท้าและการรุกรามของแผลที่เท้าและนำไปสู่การตัดนิ้วเท้า เท้าในที่สุด
- ปรับสมดุลเท้า กระจายน้ำหนักได้ดี
- ผลิตจาก พียู ที่มีความแข็งแรง ทนทานไม่ยุ่ยง่าย
- ลดแรงกดและแรงบีบที่เท้า ป้องกันการกระแทกที่นิ้วเท้าได้ทุกนิ้ว
- มีช่องระบายความอับชื้นไม่ให้เกิดเชื้อรา
- สายรัดข้อเท้าลดภาวะการจิกเกร็งของนิ้วเท้าขณะเดิน (ซึ่งแผลมักเกิดที่นิ้วเท้าก่อน)
- น้ำหนักเบา ให้ความนุ่มสบายขณะสวมใส่
- มีสารซิลเวอร์นาโน ช่วยลดกลิ่นเหม็นอับที่เท้า
- ล้างด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาดได้
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เท้าผิดรูป ปวดเท้า และผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเท้า
2. แผ่นเสริมอุ้งเท้า
ประโยชน์
- วัสดุทำจากซิลิโคนเกรด A
- ถอดทำความสะอาดง่าย
- นำไปใส่ร่วมกับรองเท้าคู่อื่นได้
- เพิ่มส่วนโค้งเว้าของอุ้งเท้า
- เสริมบุคลิกภาพขณะเดิน
- ลดอาการข้อเท้าเอียง (rearfoot valgus)
- ลดการอักเสบเส้นเอ็นบริเวณกล้ามเนื้อส้นเท้า (plantar facilities)
- กระจายแรกการลงน้ำหนักเท้าได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เท้าแบน
3. แผ่นนวดกดจุดเท้า
ประโยชน์
- ใส่ในรองเท้าขณะยืนหรือเดิน
- ถอดทำความสะอาดง่าย
- ลดอาการชาฝ่าเท้า/เหน็บชา
- ลดอาการปลายเท้าเย็น
- ลดอาการปวดฝ่าเท้า และส้นเท้า
- เพิ่มการไหลเวียนเลือด
- เพิ่มการผ่อนคลายเท้า
- เหมาะสำหรับผู้มี่ปวดอุ้งเท้าและส้นเท้าเป็นประจำ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัดเฟิร์ส ฟิสิโอ
www.firstphysioclinic.com สายด่วน 085-264-4994