By Firstphysio Clinic
18 Jul, 2023
Diabetes Mellitus, disease, DM, การดูแลตนเอง, ผู้ป่วยเบาหวาน, อุปกรณ์กายภาพบำบัด, อุปกรณ์ช่วยพยุง
กายภาพบำบัด, คลินิก, บริบาล, ผู้สูงอายุ, ฟื้นฟู, ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ, อุปกรณ์กายภาพบำบัด
การใช้เทคนิคการรักษาและอุปกรณ์ช่วยในการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงสุขภาพของผู้ป่วย ดังนี้คือเทคนิคและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกายภาพบำบัดผู้ป่วยเบาหวาน:
1. เทคนิคการนวด: การนวดช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ปรับสมดุลของระบบประสาท และบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง อาจใช้เทคนิคการนวดแบบสแวนน่าหรือการนวดแบบสกัดแร่ธาตุ
2. เครื่องไฟฟ้าบำบัด: การใช้เครื่องไฟฟ้าบำบัดช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต อาจประกอบด้วยการใช้สัญญาณไฟฟ้าชนิดต่างๆ เช่น ไฟฟ้าจัดเต็มคลื่น ไฟฟ้าชนิดน้ำ หรือไฟฟ้าชนิดผสม
3. อุปกรณ์การฝึกซ้อม: อุปกรณ์การฝึกซ้อมช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ อาจเป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์เช่น เบาะยืดหลัง ลู่วิ่ง จักรยานนิ่ง บอลยาง หรือเครื่องจำลองการเดิน
4. เทคนิคการฝึกซ้อมแบบความคับแข็ง: เทคนิคการฝึกซ้อมแบบความคับแข็งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความสมดุล และความมั่นคงของร่างกาย อาจประกอบด้วยการใช้เครื่องมือหรือแรงบีบตัว เช่น บอลแร็ค ทรามโพลีน หรือฟิตเนสเบลล์
5. เทคนิคการฝึกซ้อมแบบเร็ว: เทคนิคการฝึกซ้อมแบบเร็วช่วยเพิ่มความไวและความทนทานของร่างกาย โดยใช้เครื่องมือหรือฟิตเนสเบลล์ที่มีน้ำหนักเบาๆ และฝึกซ้อมแบบเร็วๆ โดยเปลี่ยนท่าซ้อมอย่างรวดเร็ว
6. เทคนิคการหายใจ: เทคนิคการหายใจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเครียด และสร้างสภาวะผ่อนคลายในร่างกาย สามารถใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ และการหายใจร่วมกับการฝึกซ้อมได้
การใช้เทคนิคและอุปกรณ์ช่วยในการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวานควรใช้ภายใต้คำแนะนำและความชำนาญของนักกายภาพบำบัด คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการวางแผนการบำบัดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของคุณ
More
ตอนที่681 ผลทางจิตใจและสมองจากการกายภาพบำบัด
ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
การบำบัดกายภาพในผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบ
สามารถมีผลกระทบทางจิตใจและสมองได้ดังนี้
1.อาการซึมเศร้า: กิจกรรมทางกายภาพสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ การออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวและการฝึกซ้อมกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มความสมดุลในระดับสารเคมีในสมอง เช่น น้ำตาลในเลือดและสารสื่อประสาทที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก
2. เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น: การฝึกซ้อมและการบำบัดกายภาพช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง ผู้ป่วยที่มีการฟื้นฟูสมองสำเร็จและเห็นผลการฟื้นฟูอาจรู้สึกว่าพลังและความสามารถของตนได้กลับมาอีกครั้ง
3. ลดความเครียดและสงสัย: กิจกรรมทางกายภาพสามารถช่วยลดความเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและสารเคมีที่มีผลในการปรับสมดุลในระบบประสาท เช่น นอร์เอพิเนฟริน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและผ่อนปรนจิตใจ
4. ปรับปรุงความสัมพันธ์สังคม: การเข้าร่วมกิจกรรมกายภาพบำบัดในกลุ่มหรือชุมชนที่มีเส้นเลือดในสมองตีบสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสัมพันธ์ทางสังคม การแบ่งปันประสบการณ์และการเรียนรู้จากผู้อื่นที่มีประสบการณ์คล้ายกันช่วยสร้างความเข้าใจและความสนับสนุนกันระหว่างผู้ป่วย
5. กระตุ้นความคิดและสมอง: การออกกำลังกายทางกายภาพช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและออกซิเจนไปยังสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ป่วยอาจรู้สึกความกระชับในการคิดและการจดจำที่ดีขึ้นหลังจากการฝึกซ้อมและการบำบัดกายภาพ
การกายภาพบำบัด ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบมีผลกระทบทางจิตใจและสมองอย่างมีนัยสำคัญ โดยการลดอาการซึมเศร้า การเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น ลดความเครียดและสงสัย ปรับปรุงความสัมพันธ์สังคม และกระตุ้นความคิดและสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
More
By Firstphysio Clinic
14 Jul, 2023
Stroke, การรักษาทางกายภาพบำบัด, ความดันโลหิตสูง, ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก, อัมพาตครึ่งซีก, อัมพาตครึ่งท่อน, อุปกรณ์กายภาพบำบัด
ischemic stroke, Stroke, กายภาพบำบัดลดความผิดปกติทางกาย, กายภาพบำบัดลดอาการอ่อนแรง, กายภาพบำบัดเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ตอนที่ 678 กายภาพบำบัดช่วยลดอาการอ่อนแรงและความผิดปกติ
ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
การบำบัดด้วยกายภาพสามารถช่วยลดอาการอ่อนแรงและความผิดปกติในผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบได้โดยการนำเอาหลักการและเทคนิคต่างๆ มาใช้ในกระบวนการบำบัด ดังต่อไปนี้:
1. การฝึกซ้อมและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ: การฝึกซ้อมกล้ามเนื้อเป็นส่วนสำคัญในการลดอาการอ่อนแรงและความผิดปกติ โดยการฝึกซ้อมเบื้องต้นเช่น การยืดกล้ามเนื้อ การเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อ
2. การฝึกการปรับสมดุลและความคล่องตัว: การฝึกซ้อมท่าทางที่เน้นการปรับสมดุลและความคล่องตัวช่วยลดอาการอ่อนแรงและเพิ่มความเสถียรภาพของร่างกาย โดยการฝึกซ้อมเช่น ยืนหรือเดินในท่าทางที่เน้นความสมดุลและความคล่องตัว
3. การฝึกซ้อมการเคลื่อนไหวเป้าหมาย: การฝึกซ้อมการเคลื่อนไหวเป้าหมายที่ผู้ป่วยต้องการ ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวและการทำงานที่ต้องการ เช่น การฝึกซ้อมการเดินหรือการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
4. การใช้เทคนิคการบำบัดอื่นๆ: อาจมีการใช้เทคนิคเช่น การใช้เครื่องมือบำบัดเสริมเช่น เครื่องมือไฟฟ้าแรงดันต่ำ หรือการบำบัดนวดเพื่อช่วยลดอาการอ่อนแรงและความผิดปกติ
5. การฝึกการหายใจและการผ่อนคลาย: การฝึกซ้อมการหายใจและการผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลายในร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเทคนิคการหายใจลึกๆ และเทคนิคการผ่อนคลายอื่นๆ
การบำบัดกายภาพที่เน้นลดอาการอ่อนแรงและความผิดปกติในผู้ป่วยเส้นเลือดตีบเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน คำแนะนำข้างต้นเป็นแนวทางทั่วไป และควรปฏิบัติตามคำแนะนำและแผนการบำบัดที่ได้รับจากนักกายภาพบำบัดหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลร่างกายเสมอ
More
By Firstphysio Clinic
14 Jul, 2023
Stroke, กายภาพบำบัดที่บ้าน, การดูแลตนเองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง, การรักษาทางกายภาพบำบัด, ความดันโลหิตสูง, ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก, อัมพาตครึ่งซีก, อัมพาตครึ่งท่อน, อุปกรณ์กายภาพบำบัด, โรคความดันโลหิตสูง
ischemic stroke, Stroke, การรักษาทางกายภาพบำบัด, เทคนิคการรักษาผู้ป่วยเส้นเลือดสมองตีบ, เส้นเลือดสมองตีบ
ตอนที่ 677 เทคนิคทางกายภาพช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว
ของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ
เทคนิคการบำบัดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบ สามารถทำได้โดยใช้เทคนิคและเครื่องมือต่างๆ ดังนี้:
1. การฝึกซ้อมท่าทางและการเคลื่อนไหวที่เฉพาะเจาะจง: การฝึกซ้อมท่าทางและการเคลื่อนไหวที่เฉพาะเจาะจงช่วยให้ผู้ป่วยเส้นเลือดตีบสามารถฝึกซ้อมและปรับปรุงความคล่องตัวและความสามารถในการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. การใช้เครื่องมือช่วย: ใช้เครื่องมือบำบัดที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว ตัวอย่างเช่น โบล่าเบอร์รี่เพลต หรืออุปกรณ์กายภาพบำบัดอื่นๆ เพื่อช่วยในการฝึกซ้อมและปรับปรุงความคล่องตัว และการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
3. การฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น: การฝึกซ้อมและเล่นท่าทางที่เน้นความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เช่น การทำกายภาพบำบัดท่าทางที่เกี่ยวข้องกับการยืดกล้ามเนื้อและการเพิ่มความแข็งแรง เช่น การทำยกแขนหรืองานบ้านที่เกี่ยวข้อง
4. การฝึกการปรับสมดุลและความคล่องตัว: การฝึกซ้อมท่าทางที่เน้นการปรับสมดุลและความคล่องตัว เช่น การทำท่ายืนเพื่อปรับสมดุล หรือการทำแรงบีบเลือดแขนเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
5. การฝึกซ้อมการเคลื่อนไหวเป้าหมาย: การฝึกซ้อมการเคลื่อนไหวเป้าหมายที่ต้องการ เช่น การฝึกซ้อมการเดินหรือการเคลื่อนไหวเฉพาะทาง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความชำนาญในการทำงานที่ต้องการ
6. การฝึกการหายใจและการผ่อนคลาย: การฝึกการหายใจและการผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลายในร่างกาย อาจใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ หรือเทคนิคการผ่อนคลายอื่นๆ
เทคนิคเหล่านี้สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ แต่ควรปฏิบัติภาระงานตามความสามารถและคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลร่างกายเสมอ
More
By Firstphysio Clinic
13 Jul, 2023
Homeprogram, Plantar Fasciitis, การคลายกล้ามเนื้อในนักกีฬา, การดูแลตนเอง, การรักษาทางกายภาพบำบัด, การออกกำลังกาย, ท่ายืดกล้ามเนื้อ, นักกีฬา, อุปกรณ์กายภาพบำบัด, โรครองช้ำ
Plantar Fasciitis, การบริหารกล้ามเนื้อโรครองช้ำ, ปวดส้นเท้า, รองช้ำ, เอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ, โรครองช้ำ
ตอนที่ 327 3 ท่าบริหารเส้นเอ็นสำหรับโรครองช้ำ
โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบคือ?
โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบเป็นอาการทั่วไปที่มีลักษณะเฉพาะจากการอักเสบของพังผืดฝ่าเท้า ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อหนาที่เรียงตามแนวด้านล่างของเท้า มักทำให้เกิดอาการปวดส้นเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับก้าวแรกในตอนเช้าหรือหลังช่วงพัก อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การใช้งานมากเกินไป รองเท้าที่ไม่เหมาะสม ส่วนโค้งสูง เท้าแบน หรือกล้ามเนื้อน่องตึง ตัวเลือกการรักษาอาจรวมถึงการพักผ่อน การยืดกล้ามเนื้อ การใส่กายอุปกรณ์ กายภาพบำบัด หรือในบางกรณีอาจรวมถึงการผ่าตัด หากคุณสงสัยว่าเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

ท่าที่ 1 ท่ายืดเอ็นร้อยหวาย
1. ยืนโดยใช้มือยันกำแพงให้มั่นคง ถอยเท้าข้างที่เจ็บมาด้านหลัง ส้นเท้าแนบพื้น
2. แอ่นสะโพกไปทางด้านหน้าเพื่อยืดเส้นเอ็นร้อยหวาย ค้างไว้ 10-15 วินาที และทำสลับกันไปทั้งสองข้าง
3. แนะนำให้ทำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 ครั้ง จนเมื่อเอ็นร้อยหวายมีความยืดหยุ่น จะช่วยให้อาการเจ็บหรืออักเสบบริเวณเอ็นร้อยหวายและอาการของโรครองช้ำทุเลาลง

ท่าที่ 2 ท่ายืดพังผืดฝ่าเท้า
1. นั่งเก้าอี้ในท่าไขว่ห้าง โดยให้เท้าข้างที่จะทำการบริหารอยู่ด้านบน
2. ใช้มือทั้งสองข้างจับบริเวณนิ้วเท้า จากนั้นให้งัดนิ้วเท้าขึ้นเพื่อยืดพังผืดฝ่าเท้า ค้างไว้ 10-15 วินาที
3. แนะนำให้หมั่นทำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 ครั้ง

ท่าที่ 3 ท่านวดพังผืดฝ่าเท้า
1. เตรียมวัสดุทรงกลมที่มีความแข็ง เช่น ท่อน้ำ PVC หรือกระบอกน้ำเหล็ก (หลีกเลี่ยงวัสดุที่สามารถแตกหักหรือบาดฝ่าเท้าได้)
2. นั่งบนเก้าอี้ นำวัสดุทรงกลมวางที่พื้น แล้ววางเท้าข้างที่จะทำการนวดลงบนวัสดุ
3. จากนั้นค่อยๆ คลึงนวดตั้งแต่บริเวณอุ้งเท้ามาจนถึงส้นเท้า คลึงกลับไปมาเพื่อยืดตัวพังผืดฝ่าเท้า ทำครั้งละ 15-30 วินาที วันละ 8-10 ครั้ง
More