เมื่อพูดถึงแนวทางการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคไต การพิจารณาสภาวะเฉพาะของแต่ละบุคคลและปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ทั่วไปบางประการมีดังนี้:
1. ปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ: ก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกายใดๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพหรือแพทย์โรคไตของคุณ พวกเขาสามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลโดยพิจารณาจากอาการเฉพาะและประวัติทางการแพทย์ของคุณ
2. เริ่มต้นช้าๆ: หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ให้เริ่มด้วยกิจกรรมที่มีแรงกระแทกต่ำ เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ เริ่มต้นด้วยก้าวที่สบายๆ และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นและระยะเวลาของการออกกำลังกาย
3. รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น: การให้น้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพไต ดื่มน้ำก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกายเพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้น อย่างไรก็ตาม โปรดปรึกษาผู้ให้บริการด้านการแพทย์เกี่ยวกับปริมาณของเหลวหากคุณมีข้อจำกัดด้านของเหลวโดยเฉพาะ
4. ติดตามความเข้มข้น: ให้ความสนใจว่าร่างกายของคุณตอบสนองต่อการออกกำลังกายอย่างไร หลีกเลี่ยงการกดดันตัวเองแรงเกินไปและรับฟังสัญญาณของความเหนื่อยล้าหรือไม่สบายตัว หากคุณมีอาการหายใจไม่สะดวก เวียนศีรษะ หรือเจ็บหน้าอก ให้หยุดออกกำลังกายและไปพบแพทย์
5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง: กิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การกระโดด วิ่ง หรือการยกน้ำหนักอย่างหนัก อาจทำให้ไตเกิดความเครียดมากเกินไป เลือกออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำซึ่งง่ายกว่าต่อข้อต่อและไต
6 การฝึกความแข็งแกร่ง: รวมการออกกำลังกายการฝึกความแข็งแกร่งเข้ากับกิจวัตรของคุณเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อและความหนาแน่นของกระดูก ใช้น้ำหนักที่เบากว่าและออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของผู้ฝึกสอนหรือนักกายภาพบำบัดที่มีคุณสมบัติ
7 หยุดพัก: ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเพียงพอระหว่างออกกำลังกาย การออกแรงมากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อสลายและอาจทำให้ไตตึง
8 ติดตามสัญญาณชีพของคุณ: ติดตามความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และสัญญาณชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกาย หากคุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติที่สำคัญใดๆ โปรดแจ้งผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ
More
By Firstphysio Clinic
06 Jul, 2023
disease, exercise, homecare, กระดูกสันหลังตีบแคบ, กระดูกสันหลังเสื่อม, กายภาพบำบัดที่บ้าน, การรักษาทางกายภาพบำบัด, การออกกำลังกาย, ผู้สูงอายุ
back pain, pain, SPONDYLOSIS, william, williams exercise, กระดูกสันหลังตีบแคบ, กระดูกสันหลังเสื่อม, การออกกำลังกาย
ตอนที่ 304 กายบริหารผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
(Williams Exercise)
ท่าที่ 1 กดหลังแนบพื้น นอนหงายราบกับพื้น แล้วชันเข่าตั้งขึ้น มือไว้ข้างลำตัว จากนั้นเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังส่วน ล่างให้แนบกับพื้นให้มากที่สุด ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 2 กอดเข่า ดอกทีละข้าง นอนหงายชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งเอามือสอดใต้เข่า แล้วดึงเข่าเข้ามาจนชิดหน้าอกมากที่สุด ยืดค้างไว้ 10 วินาที แล้วปล่อยลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง สลับทำอีกข้างหนึ่ง
ท่าที่ 3 กอดเข่า ดอกพร้อมกัน 2 ข้าง นอนหงายชันเข่า เอามือสอดใต้เข่าทั้ง 2 ข้าง จากนั้นดึงเข่าเข้ามาจนชิดหน้าอกมากที่สุด ยืดค้างไว้ 10 วินาที แล้วปล่อยลง ทําซ้ำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 4 เกร็งท้องยกตัวขึ้น นอนหงายชันเข่า มือทั้ง 2 ข้าง ประสาน บริเวณหน้าอก เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยยกศีรษะและ ไหล่ขึ้น โดยสะโพกยังชิดติดพื้นอยู่นิ่งค้างไว้ 5 วินาที ค่อย ๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทําซ้ำ 10 ครั้ง
การรักษาทางกายภาพบำบัดอื่นๆ
1. การออกกำลังกาย : เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่รองรับกระดูกสันหลัง เพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มท่าทางและกลไกของร่างกาย ตัวอย่าง ได้แก่ การออกกำลังกายแบบยืดเหยียด การ
ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของแกนกลาง และการปรับสภาพแบบแอโรบิก
2.การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า: เทคนิคการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า เช่น การ
กระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนัง (TENS) หรือการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าของประสาทและกล้ามเนื้อ (NMES) อาจใช้เพื่อลดอาการปวด บรรเทาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
3.การบำบัดด้วย
ความร้อนและ
ความเย็น: การใช้ความร้อนหรือความเย็นกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้ การบำบัดด้วยความร้อนช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และเพิ่มการรักษาเนื้อเยื่อ ขณะที่การบำบัดด้วยความเย็นจะทำให้บริเวณนั้นชาและลดอาการบวม
4.Traction : การบำบัดด้วยแรงดึงเกี่ยวข้องกับการใช้แรงดึงไปที่กระดูกสันหลัง ช่วยคลายหมอนรองกระดูกสันหลัง คลายการกดทับเส้นประสาท และลดความเจ็บปวดในสภาวะต่างๆ เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกระดูกสันหลังตีบ
5. การฝึกท่าทางและกลไกของร่างกาย: นักกายภาพบำบัดให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับท่าทางและกลไกร่างกายที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังตึงมากขึ้น โดยจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการนั่ง ยืน ยกของ และดำเนินกิจกรรมประจำวันด้วยการจัดแนวกระดูกสันหลังที่เหมาะสม
More
รู้หรือไม่ การออกกำลังกายช่วยทำให้การคลอดง่ายขึ้น???
การออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์
เป็นสิ่งที่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพื่อการคลอดที่ง่ายขึ้น เพียงแค่รู้ว่าการออกกำลังกายแบบไหนเหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ แล้วหาเวลาวันละ 10-15 นาที
เพื่อออกกำลังเสริมความแข็งแรงและยังช่วยให้คุณแม่คลอดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ท่าที่ 1
ย่อยืด ยืนตรงกางขาเล็กน้อย ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับหายใจออกร่วมกับแขม่วท้องและแกว่งแขนไปด้านหน้า ทำ 10 ครั้ง
ท่าที่ 2
ย่อ-บิด ยืนตรงกางขาเล็กน้อย ย่อเข่า ค่อยๆ บิดตัวพร้อมกับหันหน้า และเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมา ทำ 10 ครั้งสลับข้างกัน
ท่าที่ 3
ยืดโคนขาพับและน่อง ยืนห่างกำแพง ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง ปลายเท้าชี้ไปด้านหน้าเอนตัวเข้าหากำแพง ให้รู้สึกว่าโคนขาพับและน่องถูกยืด ทำ 5 ครั้ง แล้วสลับข้าง
ท่าที่ 4
ยืดใต้เข่า นั่งเหยียดขาข้างหนึ่งบนเก้าอี้ ค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า ให้รู้สึกว่าใต้เข่าถูกยืด ทำ 5 ครั้งแล้ว สลับข้าง
ท่าที่ 5
เอียงตัวซ้าย–ขวา ยืนกางขาเล็กน้อย เอียงตัวไปด้านซ้าย–ขวา ข้างละ 10 ครั้ง
ท่าที่ 6
ซอยเท้า ยืนและจับพนักเก้าอี้หรือราว ซอยเท้าอยู่กับที่
ความแข็งแรงหน้าท้อง
เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง กระชับท้องไม่ให้ถ่วงย้อย และ ยืดข้อต่ออุ้งเชิงกราน เพื่อป้องกันอาการ ปวดหลัง ปวดหัวหน่าว ปวดก้นกก
และช่วยในการเบ่งคลอดของคุณแม่
ท่าที่ 1
แขม่วท้องให้เอวเล็กลงพร้อมกับขมิบช่องคลอดค้างไว้ นับ 1–5 แล้วปล่อย โดยไม่กลั้นหายใจ
ท่าที่ 2
แขม่วท้องพร้อมกับขมิบ ช่องคลอด หายใจปกติ ค่อยๆ เอนหลังช้าๆ เอนให้มากเท่าที่ทำได้ และเกร็งหน้าท้องกลับมานั่งหลังตรงตามเดิม
ท่าที่ 3
เริ่มจากท่าที่ 2 เมื่อเอนหลังเสร็จ ให้เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และ เอื้อมมือขวามาด้านนอกของเข่าซ้าย ทำสลับข้างไปมา
ท่าที่ 4
นอนตะแคง ให้มือด้านล่างหนุนศีรษะ ยกไหล่และแขนให้พ้นพื้น
แผ่นหลัง
เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง และป้องกันอาการปวดหลัง
- ยืนกางขาเล็กน้อย เอามือไขว้หลังไว้ที่บริเวณสะโพก ค่อยๆ ก้มตัวโดยให้หลังตรงค้างไว้สักครู่ แล้วกลับไปท่าเดิม
สะโพก
ป้องกันการปวดข้อสะโพกและหลัง
- ใช้มือยันพื้น ให้เข่าข้างหนึ่งชิดกับพื้น หลังขนานตรง ขาอีกข้างค่อยๆ ยกขึ้น พร้อมกับแขม่วหน้าท้อง
สะโพก–เข่า
เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสะโพก–เข่า ที่ต้องใช้ในการย่อตัวหรือ ยกของจากพื้น
- ยืนกางขาเล็กน้อย ย่อเข่าหลังตรงเอนมาด้านหน้า แล้วยืนขึ้น
เท้า
- นอนราบ กระดกเท้าขึ้น–ลงสลับกัน 10 ครั้ง แล้วหมุนเท้าวนซ้าย–วนขวา 10 รอบ
จบกระบวนท่าการบริหารแล้ว อย่าลืมอบอุ่นร่างกายอีกครั้งนะคะ
ข้อควรปฏิบัติอุปกรณ์ที่ควรมี
- ควรออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง (วันเว้นวัน) และอบอุ่นร่างกาย 10 นาที แล้วตามด้วยท่าบริหารร่างกายแต่ละท่า
- หยุดทันที เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น เมื่อยล้า เป็นตะคริว เป็นลม วิงเวียนศีรษะ หรือตกเลือด
- บางท่าในการบริหารร่างกาย ควรมีที่นอนรองรับ หรือถ้าต้องออกกำลังกายโดยการเดินหรือเต้นแอโรบิค ก็ควรสวมรองเท้าผ้าใบ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัดเฟิร์ส ฟิสิโอ
www.firstphysioclinic.com สายด่วน 085-264-4994
More