All Posts tagged บริบาล

ตอนที่ 728 โรคหลอดเลือดสมอง : คืออะไร อาการ อาการแสดง สาเหตุ

ตอนที่ 728 โรคหลอดเลือดสมอง : คืออะไร อาการ อาการแสดง สาเหตุ

โรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองหยุดชะงัก ส่งผลให้เซลล์สมองตาย การหยุดชะงักนี้อาจเกิดจากการอุดตันในหลอดเลือด (โรคหลอดเลือดสมองตีบ) หรือเลือดออกในสมอง (โรคหลอดเลือดสมองตีบ)

อาการของโรคหลอดเลือดสมองอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณของสมองที่ได้รับผลกระทบ แต่สัญญาณที่พบบ่อย ได้แก่ อาการอ่อนแรงหรือชาที่ซีกหนึ่งของร่างกายอย่างกะทันหัน พูดลำบากหรือเข้าใจคำพูด สับสน ปวดศีรษะรุนแรง เวียนศีรษะ และสูญเสียการทรงตัวหรือการประสานงาน

สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองอาจมีได้หลากหลาย ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ โรคอ้วน ระดับคอเลสเตอรอลสูง เบาหวาน และประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ เพศ และสภาวะทางการแพทย์บางอย่างอาจมีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง

More

ตอนที่ 721 ข้อควรระวังของการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวาน

ตอนที่ 721 ข้อควรระวังของการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวาน

เมื่อพูดถึงการกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีข้อควรระวังบางประการที่ควรคำนึงถึง:

1. การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด: ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรติดตามระดับน้ำตาลในเลือดก่อน ระหว่าง และหลังการทำกายภาพบำบัด สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วงที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

2. การดูแลเท้า: ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะมีความรู้สึกที่เท้าลดลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เท้าได้ ก่อนทำกายภาพบำบัด ควรตรวจสอบเท้าว่ามีบาดแผล แผล หรือตุ่มพองหรือไม่ แนะนำให้สวมรองเท้าที่เหมาะสมและถุงเท้าป้องกันระหว่างการบำบัด

3. การให้น้ำ: ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะขาดน้ำ ดังนั้นควรกระตุ้นให้พวกเขาดื่มน้ำปริมาณมากทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำกายภาพบำบัด การให้ร่างกายไม่ขาดน้ำสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

4. การจัดการยา: หากผู้ป่วยโรคเบาหวานรับประทานยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับประทานยาตามขนาดที่กำหนดก่อนทำกายภาพบำบัด การปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านสุขภาพเกี่ยวกับการจัดการยาเป็นสิ่งสำคัญ

5 การสื่อสารกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ: จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะต้องสื่อสารกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการกายภาพบำบัด ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถให้คำแนะนำและข้อควรระวังเฉพาะโดยขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล

More

ตอนที่ 691 การใช้เทคนิคการรักษาและอุปกรณ์ช่วยทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวาน

ตอนที่ 691 การใช้เทคนิคการรักษาและอุปกรณ์ช่วยทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวาน

การใช้เทคนิคการรักษาและอุปกรณ์ช่วยในการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงสุขภาพของผู้ป่วย ดังนี้คือเทคนิคและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกายภาพบำบัดผู้ป่วยเบาหวาน:

1. เทคนิคการนวด: การนวดช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ปรับสมดุลของระบบประสาท และบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง อาจใช้เทคนิคการนวดแบบสแวนน่าหรือการนวดแบบสกัดแร่ธาตุ

2. เครื่องไฟฟ้าบำบัด: การใช้เครื่องไฟฟ้าบำบัดช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต อาจประกอบด้วยการใช้สัญญาณไฟฟ้าชนิดต่างๆ เช่น ไฟฟ้าจัดเต็มคลื่น ไฟฟ้าชนิดน้ำ หรือไฟฟ้าชนิดผสม

3. อุปกรณ์การฝึกซ้อม: อุปกรณ์การฝึกซ้อมช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ อาจเป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์เช่น เบาะยืดหลัง ลู่วิ่ง จักรยานนิ่ง บอลยาง หรือเครื่องจำลองการเดิน

4. เทคนิคการฝึกซ้อมแบบความคับแข็ง: เทคนิคการฝึกซ้อมแบบความคับแข็งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความสมดุล และความมั่นคงของร่างกาย อาจประกอบด้วยการใช้เครื่องมือหรือแรงบีบตัว เช่น บอลแร็ค ทรามโพลีน หรือฟิตเนสเบลล์

5. เทคนิคการฝึกซ้อมแบบเร็ว: เทคนิคการฝึกซ้อมแบบเร็วช่วยเพิ่มความไวและความทนทานของร่างกาย โดยใช้เครื่องมือหรือฟิตเนสเบลล์ที่มีน้ำหนักเบาๆ และฝึกซ้อมแบบเร็วๆ โดยเปลี่ยนท่าซ้อมอย่างรวดเร็ว

6. เทคนิคการหายใจ: เทคนิคการหายใจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเครียด และสร้างสภาวะผ่อนคลายในร่างกาย สามารถใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ และการหายใจร่วมกับการฝึกซ้อมได้

การใช้เทคนิคและอุปกรณ์ช่วยในการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเบาหวานควรใช้ภายใต้คำแนะนำและความชำนาญของนักกายภาพบำบัด คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการวางแผนการบำบัดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของคุณ

More

ตอนที่ 681 ผลทางจิตใจและสมองจากการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ

ตอนที่ 681 ผลทางจิตใจและสมองจากการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ

ตอนที่681 ผลทางจิตใจและสมองจากการกายภาพบำบัด
ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ

การบำบัดกายภาพในผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองตีบ
สามารถมีผลกระทบทางจิตใจและสมองได้ดังนี้

1.อาการซึมเศร้า: กิจกรรมทางกายภาพสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ การออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวและการฝึกซ้อมกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มความสมดุลในระดับสารเคมีในสมอง เช่น น้ำตาลในเลือดและสารสื่อประสาทที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก

2. เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น: การฝึกซ้อมและการบำบัดกายภาพช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง ผู้ป่วยที่มีการฟื้นฟูสมองสำเร็จและเห็นผลการฟื้นฟูอาจรู้สึกว่าพลังและความสามารถของตนได้กลับมาอีกครั้ง

3. ลดความเครียดและสงสัย: กิจกรรมทางกายภาพสามารถช่วยลดความเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและสารเคมีที่มีผลในการปรับสมดุลในระบบประสาท เช่น นอร์เอพิเนฟริน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและผ่อนปรนจิตใจ

4. ปรับปรุงความสัมพันธ์สังคม: การเข้าร่วมกิจกรรมกายภาพบำบัดในกลุ่มหรือชุมชนที่มีเส้นเลือดในสมองตีบสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสัมพันธ์ทางสังคม การแบ่งปันประสบการณ์และการเรียนรู้จากผู้อื่นที่มีประสบการณ์คล้ายกันช่วยสร้างความเข้าใจและความสนับสนุนกันระหว่างผู้ป่วย

5. กระตุ้นความคิดและสมอง: การออกกำลังกายทางกายภาพช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและออกซิเจนไปยังสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ป่วยอาจรู้สึกความกระชับในการคิดและการจดจำที่ดีขึ้นหลังจากการฝึกซ้อมและการบำบัดกายภาพ

การกายภาพบำบัด ในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบมีผลกระทบทางจิตใจและสมองอย่างมีนัยสำคัญ โดยการลดอาการซึมเศร้า การเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น ลดความเครียดและสงสัย ปรับปรุงความสัมพันธ์สังคม และกระตุ้นความคิดและสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

More

ตอนที่215: เครื่องกระตุ้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนังเพื่อลดปวด

เครื่องกระตุ้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนังเพื่อลดปวด

(Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation, TENS)

–  เป็นกระแสไฟฟ้ากระตุ้นประสาทผ่านผิวหนังเพื่อลดปวด

– phase duration ~80-500 µs โดยมีค่าความเข้ม ~50-100 mA และมีค่าความถี่ตั้งแต่ 2-150 Hz

– ลักษณะรูปคลื่นมีหลายรูปแบบขึ้นกับบริษัทที่ผลิต บางเครื่องเป็น monophasic บางเครื่องเป็น  symmetrical biphasic หรือ asymmetrical biphasics pulse

– ส่วนใหญ่ให้ผลในการลดปวด โดยกระตุ้นเส้นประสาทรับความรู้สึกมากกว่ากระตุ้นเส้นประสาทยนต์

ชนิดของ TENS ซึ่งขึ้นกับคุณสมบัติของพารามิเตอร์

1.Conventional  TENS หรือ HI-TENS

มีความถี่ประมาณ 50-150 Hz ช่วงกระตุ้นนอน โดยเพิ่มความเข้มของกระแสไฟจนกระทั่งผู้ป่วยรู้สึก โดยไม่เห็นการหดของกล้ามเนื้อขณะกระตุ้น การตั้งค่าพารามิเตอร์นี้พัฒนาจากพื้นฐานของทฤษฎี “gait control” พบว่าการกระตุ้นแบบ conventional mode  นี้จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย แม้ว่าช่วงเวลาที่อาการปวดลดลงนี้จะสั้นและเกิดaccomadation ต่อตัวกระตุ้นสูง ถ้าเปรียบเทียบกับอันอื่น เมื่อกระตุ้นได้ 5-10 นาทีผู้ป่วยจะรู้สึกว่าความแรงของกระแสไฟลดลงแค่ความเป็นจริงคือผู้ป่วยเริ่มเกิดความเคยชินต่อการรับรู้(perception)ของความแรงของตัวกระตุ้นจนความรู้สึกเปลี่ยนไป

  1. Acupuncture-Like Or Lo-TENS

จะมีความถี่ประมาณ 1-4 Hz , pulse width > 200 µs โดยเพิ่มความเข้มของกระแสไฟจนถึงระดับ”patient tolerance” เป็นเวลา 20-30 นาที ต่อครั้ง ต่อวัน และทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง

  1. BRIEF,INTENSE TENS

จะมีความถี่มากกว่า 100 Hz, pulse width 150-250 µs (ความถี่สูงช่วงกระตุ้นยาว)ตั้งความเข้มของกระแสไฟจนถึงระดับสูงสุดที่ผู้ป่วยจะทนได้หรือเรียกว่าระดับ”patient tolerance” การกระตุ้นนี้จะไปลด activity ของ A delta , C fiber ทำให้ conduction velocity ช้าลง

  1. BURST , OR PULSE-TRAIN TENS

เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Hi-TENS กับ Lo-TENS คือมี High frequency ในลูกเล็กๆ(70-100Hz)และในลูกใหญ่1-4 Hz มักให้ผลในการรักษาดีเพราะผู้ป่วยรู้สึกสบายไม่เจ็บมาก

  1. MODULATED TENS

คือการมี pulse width และ pulse rate ที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งเชื่อว่ามีผลในการป้องกันการปรับตัว (adaption)ของใยประสาทต่อกระแสไฟ

ข้อบ่งชี้ทางคลินิก

อาการเจ็บปวดระยะเฉียบพลัน (acute pain)

การรักษาผู้ป่วยระยะเฉียบพลันมักได้ผลดีเมื่อรักษาด้วย conventional TENS (Hi-TENS) โดยTENS จะป้องกันการเกิดความเจ็บปวดจากการเกร็งค้างของกล้ามเนื้อในรายที่ยังมีความเจ็บปวดอยู่แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย TENS มักถูกนำมาใช้ในการกระตุ้นลดปวดเพื่อให้ผู้ป่วยกลับสู่กิจวัตรประจำวันตามปกติโดย TENS มักถูกนำมาใช้ใน minor sport injury เช่น mild shoulder contusion , rib contusion , ankle sprain อย่างไรก็ตามนักกายภาพบำบัดควรมีความระมัดระวังและคำนึงถึงผู้ป่วยที่เป็นโรค rheumatoid และการบาดเจ็บในนักกีฬาเนื่องจากความเจ็บปวดอาจมีประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ส่วนนั้นๆของร่างกายถูกใช้งานมากเกินไปเพราะฉะนั้นการกระตุ้นด้วยTENS ควรใช้หลังช่วงที่มีการป้องกันไม่ให้ส่วนนั้นๆเคลื่อนไหวหรือใช้งานมากเกินไป

อาการเจ็บปวดระยะเรื้อรัง

ปัญหาทางคลินิกของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดระยะเรื้อรัง(chronic pain) ที่ต้องระมัดระวังคือผู้ป่วยที่ต้องพึ่งยา เช่น พวกที่มีปัญหาทางจิตเวชหรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง(behavior disturbances)นอนไม่หลับ ไม่อยากอาการบางคนจะมีการลดลงของ pain toleranceและมีการขาดสาร นอกจากจะลดปวดแล้วยังช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่พยายามมากเกินไป รักษาหายแล้วได้ผลดีในกรณี เช่น LBP, rheumatoid arthritis, regeneration joint disease, causalgia , peripheral neuropthy , peripheral nerve injury , phantom pain , migrate headache

 

กลไกลและทฤษฏีความเจ็บปวด

ทางเดินประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด(Pain pathway)

Nociceptors

  1. Cutaneous Nociceptors เครื่องรับการกระตุ้นซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดที่อยู่บริเวณ cutaneous แบ่งเป็น
  2. A delta fiber  – small Myelinated nerve fiber

– ตอบสนองต่อตัวกระตุ้นเชิงกลที่รุนแรง(High threshold)

– ส่งกระแสประสาทความรู้สึกเจ็บปวดด้วยความเร็ว(fast pain)รู้ตำแหน่งที่แน่นอน                                            ลักษณะเป็น pricking pain

  1. C fiber/free nerve ending เจ็บ(Subpain threshold) จะทำให้กระแสไฟฟ้าจาก A beta เอาชนะ                             กระแสไฟฟ้าที่มาจาก A delta , C fiber ด้วยเครื่องกระตุ้นชนิด Hi-TENS , IFC ช่วงความถี่สูง 100-                       150Hz

การกระตุ้นเส้นประสาทเส้นใหญ่(A beta)จะช่วยลดปวดได้โดยการส่งกระแสประสาทไปเร้าที่ SG cellเพื่อให้SG cell เป็นตัวทำหน้าที่ยับยั้งการส่งผ่านของใยประสาท A delta, C fiber ที่ไปกระตุ้น T cell และตัวมันเองก็ทำหน้าที่ยับยั้ง T cell โดยตรงซึ่งเรียกการยับยั้งลักษณะนี้ว่า Gate close

ตรงกันข้าม small fiber จะไปลดการทำงาน SG cell และไปเพิ่มการทำงานของ T cell เพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่นำความเจ็บปวดส่งผ่านไปยังสมอง เรียกว่า Gate open

  1. Morphine type

มีผลต่อ C fiber โดยการไปกระตุ้น A delta fiber ด้วยความถี่ต่ำๆและใช้ความเข้มของกระแสไฟระดับ suppain tolerance  ( รู้สึกเจ็บจนทนไม่ได้) ด้วยเครื่องกระตุ้นชนิด Lo-TENS หลั่งกระตุ้นจะมีการหลังสาร neurotransmitter คือ enkephalin , beta-endorphin

– เส้นประสาทนี้ทำหน้าที่แยกแยะลักษณะต่างๆของความรู้สึกเจ็บปวด เช่น ความรุนแรงของตัวกระตุ้น ระยะเวลาในการกระตุ้นบริเวณที่มีการกระตุ้น

  1. Paleospinothalamic tract

– Synapse มาก ส่งกระแสประสาทได้ช้า

– เกิดร่วมกับอารมณ์ที่ไม่พึงพอใจและการตอบสนองโดยอัตโนมัติต่อความเจ็บปวด

  1. Spinoreticular tract
  2. Spinomesencephalic tract

– ไม่สามารถแยกแยะคุณลักษณะของความรู้สึกเจ็บปวดได้

– อาจกระตุ้น descending inhibitory activity

  1. Spinocervical fraction

– วิ่งตรงขึ้น lateral cervical nucleus

– สิ้นสุดที่ thalamus ด้านตรงข้าม

  1. ใยประสาทบางเส้นที่อยู่ใน dorsal column จะตอบสนองต่อตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด

การควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด(Control of pain)

  1. Gate Control Theory

มีผลทั้ง A delta และ C fiber ใน posterior horn จากการกระตุ้น mechanoreceptor ของ A bata  fiber ด้วยความถี่สูง ด้วยความเข้มของกระแสไฟฟ้าระดับที่ไม่ทำให้ผู้ถูกกระตุ้นรู้สึกเจ็บ(subpain threshold) จะทำให้กระแสไฟฟ้าจาก A beta เอาชนะกระแสไฟฟ้าที่มาจาก A delta , C fiber ด้วยเครื่องกระตุ้นชนิด Hi-TENS,IFC ช่วงความถี่สูง 100-150 Hz

การกระตุ้นเส้นประสาทเส้นใหญ่(A beta) จะช่วยลดปวดได้โดยการส่งกระแสประสาทไปเร้าที่ SG cell เป็นตัวทำหน้าที่ยับยั้งการส่งผ่านของใยประสาท A delta, C fiber ที่ไปกระตุ้น T cell และตัวมันเองก็ทำหน้าที่ยับยั้ง T cell โดยตรง ซึ่งเรียกการยับยั้งลักษณะนี้ว่า Gate close

ตรงกันข้าม small fiber จะไปลดการทำงานของ SG cell และไปเพิ่มการทำงานของ T cell เพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่นำความเจ็บปวดส่งผ่านไปยังสมองที่เรียกว่า Gate open

 

  1. Morphine type

มีผลต่อ C fiber โดยการไปกระตุ้น  A delta fiber ด้วยความถี่ต่ำๆและใช้ความเข้มของกระแสไฟระดับ subpain tolerance(รู้สึกเจ็บจนแทปทนไม่ได้) ด้วยเครื่องกระตุ้น Lo-TENS หลังกระตุ้นจะมีการหลั่งสาร neurotransmitter คือ enkephalin,beta-endorphin

ตารางแสดงกระแสไฟฟ้าความถี่ต่ำชนิดต่างๆที่นำมาใช้ในทางกายภาพบำบัด

ความถี่(รอบ/วินาที) ช่วงกระตุ้น(มิลลิวินาที) ชื่อกระแสไฟฟ้า กระแสไฟตรง/สลับ ภาวะที่ใช้ในกายภาพบำบัด
0   ไฟตรง   ผลักดันน้ำยาเข้าไปในร่างกายลดบวม ลดปวด
50   ไซนูซอยด์(sinusoid)   การแพลงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ เพิ่มการไหลเวียน
    ไดอัพไดนามิค    
    ฟาราดิก    
    ตรงเป็นช่วงๆ   การแพลงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ลดปวด เพิ่มการไหลเวียน
    ทีอีเอ็นเอส   ลดปวด ลดการเกร็ง
    ตรงศักย์สูง   ลดปวด กระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง
    อินเตอเฟอเรนเชียล   ลดปวด

กระตุ้นกล้ามเนื้อที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยง

 

 

 

>>> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  http://www.firstphysioclinics.com

>>> เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด (FIRSTPHYSIO)

>> > LINE ID: 0852644994

>>> TEL. 085-264-4994ตอนที่18

More