ตอนที่21:อัมพาตใบหน้า (Bell’s palsy)
เวลาที่คุณตื่นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกว่ามีตึงๆบริเวณใบหน้า ปิดตาข้างใดข้างหนึ่งไม่สนิท เวลาทานอาหารแล้วมีน้ำลายไหลออกทางมุมปาก จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เวลาพูดยิ้ม หรือกระพริบตา พูดไม่ชัด ใบหน้าเบี้ยว อาการผิดปกติเหล่านี้เรียกว่า อาการของโรคอัมพาตใบหน้า เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มีหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้ารวมไปถึงลิ้นและกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อย
สาเหตุการเกิดอัมพาตใบหน้า
อาจเกิดจากการติดเชื่อไวรัส จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติในผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สตรีที่ตั้งครรภ์
อาการของโรคอัมพาตใบหน้า
อาการมักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน อาการที่พบก่อนคือ ปวดหู ปวดข้างใดใบหน้าด้านนั้นอาจมีโอกาสเกิดอัมพาตได้ เมื่อตื่นมาตอนเช้าจะชาบริเวณใบหน้า ตึง แสบตาเนื่องจากขณะที่ลมพัดไม่สามารถปิดตาให้สนิทได้ จะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าได้ อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่นทานอาหารแล้วไหลออกทางมุมปาก ต่อมาอาการมากขึ้นและสังเกตได้ชัดเจนคือ ปากเบี้ยว คิ้วตก พูดไม่ชัด อาการจะเกิดขึ้นภายในเวลา 2-3 วัน
วิธีการรักษา
อัมพาตใบหน้าสามารถรักษาให้หายได้ เพราะสาเหตุเกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มีการบวมจากการอักเสบและขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทจึงทำให้ไม่สามารถส่งคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อใบหน้าซีกนั้นได้ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้ภายในเวลา 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าเส้นประสาทถูกทำลายมากน้อยแค่ไหน หากเกิดปัญหากับเส้นประสาทมากอาจจะต้องใช้เวลา 2 เดือน – 2 ปี และขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอายุ ยิ่งอายุมากจะหายช้า ส่วนใหญ่จะหายได้สนิทไม่หลงเหลือความผิดปกติ หรืออาจจะเหลือร่องรอยเล็กน้อย
1. รักษาด้วยยา
การใช้ยาให้ได้ผลดีจะต้องได้รับยาอย่างเร็วที่สุด หากนานเกิน 3-4 สัปดาห์ การใช้ยามักจะไม่ค่อยได้ผล
2. รักษาทางกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดสามารถทำได้หลายเทคนิกการรักษา ได้แก่
-
การนวดเบาๆ บริเวณใบหน้า ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตนเองและบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าโดยการแสดงท่าทางบนใบหน้า เช่น แยกเขี้ยวยิงฟัน ยิ้มเหยียดมุมปากแล้วใช้มือยกมุมปากขึ้นตามไปด้วย ทำวันละ 5-10 นาที
-
ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลทางด้านจิตใจของผู้ป่วยได้มาก การกระตุ้นด้วไฟฟ้าเพื่อชล่อการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อใบหน้าไม่ให้ลีบเล็กลง ระหว่างรอการฟื้นตัวกลับคืนมาของเส้นประสาท
-
ประคบร้อนบริเวณใบหน้า
3. รักษาโดยการผ่าตัด
มักเลือกทำในรายที่มีอาการของโรคชนิดรุ่นแรง และไม่สามารถรักษาหายได้ทางยาหรือกายภาพบำบัด
การป้องกันและการปฏิบัติตน
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรค หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับใบหน้าและลำคอ เช่น หนุนหมอนที่สูงเกินไป นั่งหรือนอนบนที่นอนที่นุ่มแล้วมีส่วนโค้งเว้าเป็นประจำ เพราะการนอนท่าผิดธรรมชาติอาจส่งผลต่อระบบประสาท หลีกเลี่ยงกีฬาหรือกิจกรรมที่ต้องหมุนคอ เช่น กอล์ฟ มีความเสี่ยงสูง
หลีกเลี่ยงความเครียด หลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด พักผ่อนให้เพียงพอ