ตอนที่181: Coordination Training
Coordination Training
Coordination คือ ความสามารถของกล้ามเนื้อที่จะทำงานในเวลาหรือลำดับที่ถูกกต้อง เพื่อให้ได้แรงที่เหมาะสมในตลอดช่วงการการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวที่ดีจะต้องประกอบไปด้วย Smooth Accurate Efficient
ปัญหาที่มักพบ
– ลำดับของกล้ามเนื้อ abnormal saneness รูปแบบซ้ำๆ เดิมๆ ติดในท่านั้น
– แยกข้อออกเป็นส่วนๆ เหมือนหุ่นยนต์ เกร็งแข็ง
– Tilting problems เริ่มต้นการเคลื่อนไหวไม่มีแรงมาก ขาด ROM ไม่มีแรงจูงใจจะทำ
Trunk on stable ขณะเคลื่อนไหว ช้า จบการเคลื่อนไหว พลาดเป้า ไม่สามารถกะแรงได้พอเหมาะ
ไม่มีการหยุด กะระยะผิด
Frenkle’s exercise
วัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ที่สามารถบังคับได้ภายใต้กลไกการรับรู้ของระบบประสาทที่เหลืออยู่ เช่น ใช้ตาดู หูฟังและการสัมผัส เพื่อทดแทนการรับรู้ของข้อต่อที่สูญเสียไป โดยการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องแม่นยำภายใต้การให้จังหวะด้วยการนับช้าๆ เมื่อทำได้ถูกต้องแล้วจึงเปลี่ยนเป็นท่าทางที่ยากขึ้น และหลังจากการฝึก ผู้ป่วยต้องสามารถบังคับการเคลื่อนไหวในขณะทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระ
หลักการ
- ผู้ป่วยใส่เสื้อผ้าหลวม ไม่ใส่รองเท้าหรือถุงเท้า อยู่บนพื้นที่เรียนแข็งพอสมควร ไม่มีแรงเสียดทานที่
ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ศีรษะยกสูงพอที่จะมองเห็นการเคลื่อนไหวของขาทั้งสองข้าง
2. คำสั่งนักกายภาพบำบัด ควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย เสียงพูดสม่ำเสมอ มีการนับให้จังหวะ หรืออาจใช้
เสียงตนตรีเบา ๆ
3. ท่าออกกำลังกาย ในแต่ละท่า ผู้ป่วยควรทำได้อย่างถูกต้อง คือ ราบเรียบไม่สั่นหรือกระตุกและถูกต้อง
ตามเป้าหมาย จึงจะเปลี่ยนไปทำท่าต่อไป
4. ความก้าวหน้าของท่าออกกำลังกาย เมื่อทำท่าง่ายๆ ได้ ให้เพิ่มความซับซ้อนของท่า โดยไม่ใช้การเพิ่ม
น้ำหนักหรือเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
5. ช่วงการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวในช่วงกว้างหรือเต็มช่วงการเคลื่อนไหว จะทำได้ง่ายกว่าการ
เคลื่อนไหวในช่วงแคบ ที่ต้องการบังคับกล้ามเนื้อในการทำงานมากกว่า แต่ระวังการเคลื่อนไหวไม่ให้
เกินช่วงการเคลื่อนไหวเพราะอาจทำให้เกิดการเลื่อนหลุดของข้อต่อได้
6. ลักษณะการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวเร็วจะทำได้ดีกว่าการเคลื่อนไหวช้า เพราะว่าการเคลื่อนไหวช้า
ต้องการการควบคุมมากกว่า
7. การหลับตา ลืมตา การมองเห็นจะช่วยให้เคลื่อนไหวได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
8. การควบคุมดูแลผู้ป่วย ควรดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุขณะฝึกขึ้นได้
9. ช่วงพัก ควรหยุดพักเป็นระยะๆ
10. การวางแผนการรักษา ต้องพิจารณาถึงสภาพทั่วไปของผู้ป่วย ความสนใจในการฝึกของผู้ป่วย และ
มีการจดบันทึกความก้าวหน้าในการรักษาทุกครั้ง
11. ท่าเตรียม เลือกท่าที่เหมาะสมกับผู้ป่วย อาจเริ่มจากท่านอนหงายไปนั่งและยืนตามลำดับ
ท่าออกกำลังกายแบบ Frenkle
การออกกำลังกายในท่านอนหงาย
ผู้ป่วยไม่ใส่ถุงเท้าและไม่มีผ้าคลุมส่วนที่เคลื่อนไหว
ท่าออกกำลังกายชุดที่ 1
ท่าออกกำลังกายต่อไปนี้ให้ทำช้าๆ ท่าละ 3-4 ครั้งจึงเปลี่ยนสลับขา นักกายภาพบำบัดให้จังหวะนับ 1-4 ในท่าออกกำลังกายท่าหนึ่งๆ เมื่อผู้ป่วยทำได้คล่องแคล่วแล้ว ให้ฝึกหัดทำพร้อมกันทั้งสองข้าง
1. ขาซ้าย ขวา ข้อสะโพกและข้อเข่างอมากที่สุด ส้นเท้าแตะพื้นตลอดเวลา เหยียดขาออก
2. กางขา หุบขา ( ข้อเข่าเหยียดตรง )
3. งอข้อสะโพก ข้อเข่ามาเพียงครึ่งทาง เหยียดออก
4. ยกขาเอาส้นเท้าไปแตะบนเครื่องหมายหรือมือของนักกายภาพบำบัดที่อยู่ในจุดต่างๆ
5. งอข้อสะโพกและข้อเข่า กางขาออก หุบขาเข้า เหยียดขาออก
6. งอข้อสะโพกและข้อเข่า ให้ผู้ป่วยหยุดตามตำแหน่งต่างๆ ที่ผู้ป่วยต้องการ
7. เหมือนข้อ 6 แต่หยุดตามคำสั่งของนักกายภาพบำบัด
อาจปรับเปลี่ยนท่าให้ยากขึ้น เช่น ให้ส้นเท้าลอยพ้นพื้นเล็กน้อย หรือเพิ่มท่าให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
การออกกำลังกายในท่านั่ง
เริ่มจากการนั่งเก้าอี้มีพนักพิงเก้าอี้และไม่มีพนักพิง เพื่อให้ผู้ป่วยฝึกหัดนั่ง ลุกขึ้นยืนและนั่งลงอีกครั้งอย่างถูกต้อง สำหรับท่าออกกำลังกายนี้ ควรแบ่งช่วงการเคลื่อนไหวและให้จังหวะแก่ผู้ป่วยจะช่วยให้ทำได้ง่ายขึ้น
- ฝึกหัดลุกขึ้นยืน จากท่านั่งเก้าอี้ แบ่งเป็นการเคลื่อนไหว 3 จังหวะ
จังหวะที่ 1 เคลื่อนเท่าเข้ามาได้เก้าอี้
จังหวะที่ 2 โน้มตัวไปข้างหน้า
จังหวะที่ 3 ลุกขึ้น โดยเหยียดข้อสะโพกข้อเข่าให้ตรง ยืนขึ้น
อาจใช้ราว ข้างฝาผนังช่วยในการพยุงลุกขึ้นยืนก่อน เมื่อทำได้ดีแล้ว จึงให้ลุกขึ้นเองโดยไม่มีราวจับ
2. ฝึกเคลื่อนไหวขาในท่านั่ง
ท่าที่ 1 ฝึกนั่งทรงตัวในท่าที่ถูกต้องเป็นเวลา 2 นาที อาจเริ่มจากเก้าอี้มีพนัก เมื่อทำได้ดีจึงเปลี่ยนเป็น
เก้าอี้ไม่มีพนัก
ท่าที่ 2 ฝึกนั่งหันหน้าเข้าหาราวฝาผนัง ยกเท้าไปแตะบนราวขั้นที่ 2 จากพื้น
ท่าที่ 3 นั่งบนเก้าอี้ เอาส้นเท้าไปแตะบนเครื่องหมายที่อยู่ตรงหน้าทีละข้าง เมื่อทำได้ดีแล้ว จึงทำ
สองข้างพร้อมกัน
การออกกำลังกานในท่ายืน
เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยเรียนรู้ลำดับขั้นในการยืนและเดินที่ถูกต้อง ควรฝึกในสถานที่ที่ค่อนข้างกว้าง
ท่าที่ 1 ฝึกการทรงตัวในท่ายืน
ท่าที่ 2 ฝึกเดิน เริ่มฝึกเดินตามรอยเท้าที่เตรียมไว้ก่อน ให้ผู้ป่วยมองรอยเท้าและเดินตาม เมื่อทำได้ดีแล้วให้ก้าวเดินโดยไม่ต้องมองพื้น จากนั้นฝึกก้าวไปในทิศทางต่างๆ ในระยะก้าว
ท่าที่ 3 ฝึกหมุนตัวโดยเดินตามรอยเท้าที่นักกายภาพบำบัดให้จังหวะในการเปิดส้นเท้าและก้าวเดิน
อย่าให้ติดต่อกันนานๆ ผู้ป่วยอาจจะเวียนศีรษะได้
ข้อควรระวัง
1. อย่าเคลื่อนไหวเกินองศาการเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้ข้อต่อเลื่อนหลุดได้
2. นักกายภาพบำบัดควรฝึกผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ตลอดการฝึก ระวังผู้ป่วยล้ม
3. นักกายภาพบำบัดต้องมั่นใจว่าผู้ป่วยฝึกในท่านั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและดีแล้วจึงจะเปลี่ยนไปใน
ท่าต่อไป
4. มีช่วงพักระหว่างการฝึก เมื่อพบว่าผู้ป่วยเหนื่อยหรือไม่มีสมาธิในการฝึก
>>> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.firstphysioclinics.com
>>> เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด (FIRSTPHYSIO)
>> > LINE ID: @firstphysio
>>> TEL. 085-264-4994
More